วันที่ 4 เมษายน 2567 เวลา 00.05 น. ที่ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 1 ครั้งที่ 32 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 152 นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงต่อที่ประชุมสภา 

นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ประเด็นปัญหาเรื่องการกระจายอำนาจถ่ายโอนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ไปยังท้องถิ่น เกิดจากนโยบายของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ซึ่งยกสถานพยาบาลให้ครอบคลุมทุกมิติ จากปี 2552 แผนการถ่ายโอนมีปัญหา โดยในปี 2553 จึงได้มีการปรับแก้ไข และเริ่มขับเคลื่อนถ่ายโอน ในปี 2566 ทั้งนี้ ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ต้องรับ และ รพสต. ต้องสมัครใจในการถ่ายโอน ดังนั้นการขับเคลื่อนถ่ายโอนจึงทำได้ดี ซึ่งสามารถทำได้ครบในบางจังหวัด ส่วนบางจังหวัดก็ไม่สามารถทำได้ครบ สำหรับการกระจายอำนาจเป็นสิ่งที่ดีกับพี่น้องประชาชน มีคณะกรรมการกระจายอำนาจจากทุกภาคส่วน มีอนุกรรมการขับเคลื่อน ให้กระจายอำนาจบนพื้นฐานที่ครอบคลุมมากที่สุด 

ในส่วนของบุคลากรที่ประสงค์จะถ่ายโอนไป รพสต. ต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติถ่ายโอน จึงจะสามารถถ่ายโอนได้ เป็นไปตามเกณฑ์ของ กพ. หากมีตำแหน่งว่างก็สามารถทำได้ และมีการแก้ไขปัญหาด้วยการไปช่วยราชการ ซึ่งงบประมาณปีนี้ ได้ถูกปรับลดลงไปอยู่กับกระทรวงอื่น เพื่อไปตั้งให้ รพ.สต. รองรับความรับผิดชอบและความชัดเจนของการถ่ายโอน ทั้งค่าจ้างและค่าตอบแทน

สำหรับมิติการบริการของ รพ.สต. ในแต่ละพื้นที่ จะต้องเป็นการบริการขั้นพื้นฐานลักษณะปฐมภูมิ ครอบคลุมทั้งร่างกาย จิตใจ การฟื้นฟูสุขภาพ และมิติทางสังคม โดยสิ่งที่สำเร็จแล้วคือ 1.ขึ้นทะเบียนปฐมภูมิ 2.แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว 9 สาขา ซึ่งเริ่มผลิตปี 2568-2578 ปีละ 1,000 คน ทั้ง 10 ปี 10,000 คน

ส่วนกรณีที่ นายวาโย อัศวรุ่งเรือง สส.พรรคก้าวไกล ซักถามการรักษานอกเรือนจำที่เกี่ยวกับกระทรวงสาธารณสุข มองว่าเป็นการสอบสวนมากกว่า เนื่องจากฝ่ายนิติบัญญัติไม่สามารถสอบสวนได้ แนะว่าให้ใช้เป็นการสอบถามข้อเท็จจริง ส่วนเรื่องของหน้าที่อำนาจของรัฐมนตรี เช่น การตรวจสอบมาตรฐานวิชาชีพ การรักษาพยาบาลนั้น ไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากมีองค์กรแพทยสภาตรวจสอบ ดังนั้น การกระทำดังกล่าวจะละเมิดข้อบังคับของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมอื่น 

สำหรับเรื่องของโครงการยกระดับ 30 บาท รักษาทุกโรค ผ่านบัตรประชาชนใบเดียว เป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาล และนโยบายเร่งรัดของกระทรวงสาธารณสุข ยกระดับสู่ดิจิทัล โดยขณะนี้เป็นโครงการนำร่อง ซึ่งจะทำสำเร็จภายใน 1 ปี นำร่องตามภูมิภาค 4 จังหวัด เฟส 1ตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค. ที่ผ่านมา และมีการนำร้านยา คลินิค ห้องแลป เข้าร่วมโครงการ ทั้งนี้ เฟส 2 เดือนมีนาคมเพิ่มพื้นที่อีก 8 แห่ง และเฟส 3 จะเริ่มในเดือน พ.ค. 

ส่วนกรณีการแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามนโยบายแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาลจะต้องลดภายใน  1 ปี โดยบูรณาการ 5 ภาคีเครือข่าย โดยมีการแก้ไข 3 มาตรการ 1.ปราบปราม สกัดกั้น ยึดทรัพย์  2. เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย เพื่อลดจำนวนผู้ป่วย นำเข้าสู่การบำบัด 3. ปลุกชุมชนให้เข้มแข็ง